Thursday, October 11, 2007

ได้อะไรบ้าง

สรุปรวมความที่ผ่านมา 1 เทอมสำหรับ Understanding สำหรับผมมันมีค่ามาก ผมรู้สึกโชคดีที่ลงวิชานี้ วิชาทำให้ผมคิดอะไรๆได้มากขึ้น คิดเกี่ยวกับการคิดงานดีไซน์ถึงที่มาที่ไป เหตุผล หลายสิ่งหลายอย่างที่มันต้องเอามารวมกันเกิดขึ้นเป็นงาน งานไม่ได้เกิดจากการสเกตซ์ๆ แล้วจะได้ (แต่เมื่อก่อนผมเป็นแบบนั้นจริงๆ) การตลอด 1 เทอมมานี้ วิชานี้ทำให้ผมเริ่มคิดแบบมีเหตุมีผลมากขึ้น มีคำถามและเหตุผลกับงานที่ตัวเองคิดมากขึ้น เหมือนยกระดับจิตผมให้ต้องใส่ใจกับงานที่เราทำให้มากกว่าเก่าก่อน ผมคิดเลยทำไมวิชานี้ถึงเป็นแค่วิชาเลือกเท่านั้น ผมอยากให้วิชาเป็นส่วนหนึ่งของวิชาหลักของคณะเลยนะ ผมคิดงั้นเพราะถ้าพวกเราได้เรียนมัน ผมว่าเด็กคณะเราจะมีเหตุผลกับงานของเขามากขึ้นกว่าตอนนี้ที่ทำแค่ให้มันมีส่งและจบๆไปแค่นั้น สิ่งที่ได้จากวิชานี้ผมว่ามันออกจะสบายๆมากกว่าวิชาอื่นๆ แต่กลับต้องใช้สมองคิดไตร่ตรองมากกว่าที่คิดให้ขั้นแรก เหมือนกับธรรมดาเมื่อความคิดแรกเข้ามาในหัวของผม ผมมักจะใช้ความคิดแรกใส่เข้าไปเลย โดยที่ไม่ไตร่ตรองอะไรเลย แต่หลังจากผ่านวิชานี้ไป ทำให้ผมได้ระบบการคิดที่มันต้องมีขั้น 1 ขั้น 2 ขั้น 3 และอีกหลายๆขั้นต่อไปจนกว่างานมันจะเสร็จออกมา สรุปคือว่าทำให้ผมไม่มีความคิดตื้นๆ และสิ่งที่ผมได้ก็น่าจะเป็นการปลอกเปลือกส้ม เหมือนที่อาจารย์เคยสอนผมตั้งแต่คาบแรกๆ มันทำให้ผมได้เห็นจุดหลายๆอย่าง ที่ผมเคยมองข้ามมันไป เมื่อก่อนผมชอบที่จะมองแต่เปลือกนอกที่สวยงาม แต่ไม่เคยมองสิ่งที่อยู่ข้างในเปลือกเลย มันมันให้ผมได้มองอะไรได้มากกว่าเก่าก่อน ทำให้คิดเป็น เลือกเป็น มันทำให้ผมไม่คิดจะเน้นแค่ด้านสกิล แต่ทำให้ผมกลับมามองถึง Concept มองถึงเนื้อในของงานมากกว่ามองแต่สกิลแต่เก่าก่อน ทำให้ผมได้จับต้องงานของตัวเองได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ถึงตอนนี้ผมคิดว่าวิชานี้ทำให้ผมมีอาวุธทางความคิดที่จะออกไปแบบนักออกแบบที่แท้จริงได้

Friday, October 5, 2007

ส่วนขยายของ statement

ส่วนขยายของ statement ของผมขั้นแรกหลังเรียนจบหวังจะหางานทำเก็บเงินก่อนและเรียนภาษาญี่ปุ่นไปด้วยเพราะไม่รู้ว่าโอกาสจะมาถึงเราเมื่อไหร่ แล้วก็คงจะไปสอบไอเอลด้วย จากนั้นพอเก็บตังค์ได้สักก้อน แล้วก็จะเริ่มทำพอร์ตโฟลิโอไว้ไปเสนอที่ญี่ปุ่น ช่วงทำพอร์ตก็จะแวะเวียนเข้า Japanfoundation หาทุนไประยะสั้นเพื่อที่จะไปทดลองอยู่ที่นั้นก่อนสักพัก จากนั้นถ้าได้ไปก็จะพยายามศึกษางานของกราฟฟิกของญี่ปุ่นอย่างๆจริงๆจัง อยากศึกษาในเรื่องของศิลปะพื้นบ้านของญี่ปุ่น เพราะในงานกราฟฟิกของญี่ปุ่นนั้นก็ยังได้อิทธิพลมาจากศิลปะพื้นบ้านของญี่ปุ่นเอง ก่อนที่จะมาผสานกับกราฟฟิกสมัยใหม่อย่างลงตัว ศึกษาไปเพื่อจะนำกลับมาปรับเปลี่ยนใช้กับงานศิลปะของไทยเพื่อให้ผสานกับงานกราฟฟิกได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และอยากไปศึกษาเรื่องการทำหนังสือที่ญี่ปุ่นตั้งแต่เรื่องของกระดาษ และฟังชั่นของหนังสือ อยากรู้เรื่องของกระดาษให้มากขึ้น เพราะในโลกนี้ชนิดของกระดาษนั้นมีมากมาย แต่ที่ประเทศไทยคิดว่าไม่เยอะสนองความต้องการของผมได้ จึงอยากไปหากระดาษหลายๆชนิดเพื่อกลับมาทำหนังสือของตัวเอง หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นคราวนี้ก็จะเอาจริงเอาจังกับการเรียนต่อ ว่าจะไปขอทุนไปเรียนต่อถ้าไม่ญี่ปุ่นก็น่าจะเป็น New York คิดว่าคงขอทุนของพ่อและแม่แค่นิดหน่อย แล้วจะทำงานเก็บงานก้อนของตัวเองอีกทางไปถึงค่อยหางานทำต่ออีก ระหว่างทำงานเก็บเงินผมอยากจะเป็นกราฟฟิกดีไซนเนอร์ แต่จะเป็นดีไซนเนอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แนวคิดในการทำงานของอยากที่พยายามให้งานกราฟฟิกของผมทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือถ้าไม่ทำลายเลยก็จะดีมากๆ จะทำให้งานกราฟฟิกอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นถ้าเก็บเงินได้แล้วก็จะไปเรียนต่อทันที และจะไปเรียนด้านกราฟฟิกและการทำหนังสือต่อไม่ที่ญี่ปุ่นก็ New York จากนั้นจะพยายามเรียนจบให้เร็วที่สุด จากนั้นจะอยู่ต่ออีกสักพักเพื่อหาประสบการณ์ได้ด้านของการทำกราฟฟิกและการทำหนังสือ ระหว่างที่อยู่ผมจะใช้งานกราฟฟิกของผมทำให้พวกฝรั่งหรือพวกยุ่นมันรู้จักผมให้มากกว่ามันรู้จักต้มยำกุ้งกับผัดไทย จากนั้นผมจะกลับมาทำหนังสือของตัวเอง หนังสือที่ผมจะทำคือหนังสือกราฟฟิกของเมืองไทยได้มาตรฐานที่เทียบเท่าหรือดีกว่าพวกหนังสือ computer arts ของอังกฤษอีก โดยคอนเซปของหนังสือที่ผมจะทำผมอยากจะให้หนังสือผมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ส่วนเนื้อหาผมจะเอากราฟฟิกของไทยและเอเชียมาใส่ไว้ในหนังสือของผม นั้นคือส่วนขยายของสิ่งที่ผมอยากจะทำหลังเรียนจบ

ปล.อาจารย์ติ๊กช่วย comment หน่อยนะครับ ผมอยากอ่านความคิดเห็นของอาจารย์ด้วยครับ ขอบคุณครับ