Thursday, September 27, 2007

statement

สิ่งที่ผมอยากจะทำหลังเรียนจบ นี่คือคำถามที่ผมไม่ค่อยมีคำตอบมากมายอะไรนัก บอกได้แค่ว่า"ผมอยากจะไปแสวงหาความเจริญที่ญี่ปุ่น" แต่สาเหตุที่ผมอยากไปญี่ปุ่นนั้นมันก็มีมากพอที่จะทำให้ผมอยากที่จะไปญี่ปุ่น ในชีวิตของผมตั้งแต่เกิดนั้นมันก็ผูกพันกับญี่ปุ่นมาตลอด เริ่มตั้งแต่สมัยเด็ก แม่ซื้อวีดีโอขบวนการ 5 สีของญี่ปุ่นให้ผมดู จากนั้นก็มาอุลตร้าแมน มามดแดง แล้วก็กันดั้ม สิ่งที่ผมชอบเหมือนๆกันของการ์ตูนตั้งแต่สมัยก่อน จนถึง ณ ปัจจุบันที่ผมยังชอบก็คือเพลงประกอบ ผมฟังแล้วรู้สึกว่าจังหวะ และดนตรีของญี่ปุ่นนั้นมีเอกลักษณ์เอามากๆ พอเริ่มโตมาเป็นวัยรุ่นก็ชอบเพลงพวก Jpop, Jrock ซึ่งก็ยังคงเอกลักษณ์ของเพลงสไตลญี่ปุ่นไว้หยั่งเหนียวแน่น ผมเคยค้นหาประวัติความเป็นมาของดนตรี Jpop และ Jrock คร่าวๆก็มาจากดนตรีสากลที่พวกทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นำเอาดนตรี R&B, Jazz, Pop เข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น จากนั้นคนญี่ปุ่นก็นำมาผสานกับจังดนตรีพื้นบ้าน จนเกิดเป็นแนวทางเพลงของตัวเอง จบเรื่องของเพลง จากนั้นพอโตมาอีกนิดก็เข้าสู่ยุคของ VCD ยุคก็มีหนังโป๊ญี่ปุ่นหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยหยั่งมาก ซึ่งผมก็ตามกระแสนั้นเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ทำให้ผมเริ่มชอบสาวญี่ปุ่น จากนั้นผมก็เริ่มที่จะชอบนักร้องญี่ปุ่นแบบเข้าเส้น คนแรกที่ผมชอบก็คือ Utada Hikaru เป็นนักร้อง Jpop คนแรกๆที่เข้ามาในเมืองไทย จากนั้นผมก็เกาะติดญี่ปุ่นมาเรื่อยๆเนือง จากนั้นก็ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น พวกซามูไร นินจา แล้วก็ชอบงานภาพพิมพ์ญี่ปุ่นที่มีสีสันสดใส เมื่อเทียบกับภาพพิมพ์ไทยที่ชอบทำออกมาแนวอืมครึมมาคุ ดูแล้วอึดอัดใจ มาเรื่อยๆจนอยู่มหาลัยตอนปี 3 มีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่นก็เรียนรู้วัฒนธรรม และความคิดของชาวญี่ปุ่นผ่านเพื่อนทั้งสองคนนี้ ทำให้ผมมองเห็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นได้กว้างขึ้นอีกนิด จากนั้นก็มีแฟนเป็นญี่ปุ่น ก็คบกันนานพอสมควรหลังจากนั้นเขาก็กลับญี่ปุ่นไป จากการที่ผมมีแฟนเป็นญี่ปุ่นนั้น ทำให้ผมไขข้อข้องใจเกี่ยวกับหนังโป๊ญี่ปุ่นได้อย่างหนึ่ง คือเสียงร้องของนางเอกหนังโป๊ญี่ปุ่นที่เวลามีอะไรกันแล้วต้องร้องว่า"อีเต๊ะๆๆ"นั้น ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ตอนที่ผมไมีอะไรกับแฟนญี่ปุ่นนั้น แฟนผมเขากลับไม่ร้องว่า"อีเต๊ะๆๆ" แต่กลับส่งเสียงเหมือนทั่วๆไป ซึ่งผมก็ถามเธอจนถึงบางอ้อว่าที่ร้องว่า"อีเต๊ะๆๆ"นั้น แปลว่า"กำลังจะเสร็จแล้ว เร่งอีกนิดหนึ่ง ไม่ไหวแล้วอะไรประมาณนี้"เพื่อว่าเป็นการบอกให้คนที่ดูเสร็จไปพร้อมกัน (คิดเอาเองว่าเสร็จอะไร) นั้นแหล่ะครับ พอเธอกลับญี่ปุ่นไปทำให้ผมติดใจสาวญี่ปุ่นไปซะงั้น จากนั้นผมก็เริ่มที่จะศึกษางานกราฟฟิกของญี่ปุ่นอย่างจริงๆจัง จากนั้นมาเรื่อยๆผมก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะไปเรียนต่อด้านกราฟฟิกที่ญี่ปุ่นอีก เพราะผมชอบงานของญี่ปุ่นตรงที่เขาสามารถที่จะดึงเอาศิลปะพื้นบ้าน ภาพเขียนของเขามาผสานในงานกราฟฟิกสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ดูแล้วทำให้งานมีคุณค่า มีการนำเทพต่างมาออกแบบ ผสานเข้ากับงานออกแบบต่างๆ รวมทั้งแฟชั่นได้ลงตัว ส่วนมาถึงตอนนี้ผมก็เริ่มที่จะศึกษาในเรื่องของภาษาญี่ปุ่น เลยเริ่มจากการดูซีรี่ยส์ญี่ปุ่นแบบเสียงญี่ปุ่น และมีซับไทย จากการที่ดู และเริ่มเรียนรู้ภาษาที่ใช้กันในชีวิตประวันนั้น บางคำก็ทับศัพท์อังกฤษไปเลย การเรียงประโยคก็เหมือนของไทย บางทีกคำหยาบก็ใช้รวมๆไปในคำเดียว ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าการพูดไม่น่าจะยากอะไร แต่สิ่งที่ยากน่าจะเป็นในส่วนของการอ่าน และเขียนมากกว่า คิดว่าหลังจากว่าง และเคลียร์งานแล้วว่าจะไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงๆจังๆสักที และทั้งหมดนี้ก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมไปหาความเจริญที่ญี่ปุ่นนั้นเอง